ดูไว้!!! นี่คือจุดจบของผู้ทำลายพระพุทธศาสนา

จุดจบของผู้ทำลายพระพุทธศาสนา
รังแกพระสงฆ์และชาวพุทธ

ประธานาธิบดี โง ดิ่ญ เสี่ยม
ประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนาม

ย้อนหลังไป  52 ปี พ.ศ.2507  ประเทศเวียดนามมีผู้นับถือศาสนาพุทธ
อยู่ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต่างกับประเทศไทย รวมทั้งประเทศเพื่อน
บ้านอื่นๆเช่น ลาว กัมพูชา และพม่า แต่พุทธศาสนาในเวียดนามต้องพบกับการบีบคั้นเป็นอย่างมาก จากรัฐบาลที่เป็นกลุ่มตัวแทนของคาทอลิค และมีใบสั่งจากอเมริกา

เหตุการณ์เลวร้ายในเวียดนามเกิดขึ้นในสมัยของ ประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม ผู้โค่นล้มระบอบกษัตริย์บ่าวได๋ และ ตั้งตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนาม โดยการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ร่วมกับกรุงวาติกัน(ศูนย์กลางคริสต์จักรคาทอลิค) 
จนกลายเป็นรัฐบาลคริสเตียนโรมันคาทอลิค โดยโง ดินห์ เดียม 
ได้แต่งตั้งญาติพี่น้องและคนใกล้ชิดที่เป็นคาทอลิคด้วยกันเข้าร่วมรัฐบาล พร้อมกับให้ความสำคัญและให้สิทธิพิเศษแก่ข้าราชการ 
ทหาร ตำรวจ รวมถึงประชาชนที่นับถือศาสนาคริสต์ ส่วนผู้

นับถือศาสนาพุทธกลายเป็นบุคคลชั้นสอง


หลังจาก โง ดินห์ เดียม ได้เป็นประธานาธิบดี ก็ได้ออกกฏหมาย และระเบียบต่างๆที่หักหาญจิตใจชาวพุทธ จนเกิดการต่อต้านจากพระสงฆ์ กลุ่มแม่ชี และชาวพุทธในเวียดนาม แต่เป็นการต่อต้านแบบอหิงสา เช่นการเดินขบวน แจกจ่ายแถลงการณ์ และอดอาหารประท้วง


กฏเหล็กที่ย่ำยีจิตใจชาวพุทธในเวียดนาม และต่อชาวพุทธทั่วโลกมีหลายรูปแบบได้แก่ความพยายามที่จะให้ประเทศเวียดนามเปลี่ยนจากศาสนาพุทธมานับถือศาสนา คริสต์ด้วยวิธีการอันเหี้ยมโหด เช่น ส่งกำลังตำรวจเข้าปราบปราบฆ่าพระ แม่ชี และเผาวัด โดยใช้กลุ่มทหารตำรวจที่เป็นคาทอลิคด้วยกัน หรือใช้รถยนต์วิ่งเข้าหาฝูงชนขณะที่รวมตัวประท้วงตามท้องถนน ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันทีนับร้อยๆคน หรือไม่อนุญาตให้ออกหนังสือพิมพ์ทางพุทธศาสนารวมทั้งให้งดออกรายการทางวิทยุ กระจายเสียงในวันสำคัญทางศาสนา ให้ประชาชนนำภาพพระเยซูที่ได้รับมาจากทางการ นำมาตั้งไว้ในบ้าน หากถูกทำลายจะได้รับโทษอย่างร้ายแรง การประกอบศาสนกิจในวัดจะต้องขออนุญาตจากรัฐบาลพร้อมต้องแจ้งด้วยว่าจะใช้ เวลานานแค่ไหน และจำนวนกี่คน


รวมไปถึงดัดแปลงแก้ไขคำสอนในพุทธศาสนาเพื่อใช้เป็นแบบเรียนโดยเป็นคำสั่งของ โง ดินห์ ถึก (พี่ชาย โง ดินห์ เดียม) ซึ่งคุมกระทรวงศึกษาธิการด้วยวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ.2506 เป็นเวลาที่ โง ดินห์ ถึก สังฆราช คริสเตียนโรมันคาทอลิคเวียตนาม ซึ่งเดินทางไปประชุมสังคายนาวาติกัน 2 ( VATICAN COUNCIL 2) ณ กรุงวาติกัน ประเทศอิตาลี ได้แถลงต่อที่ประชุมวาติกันว่า "ประเทศเวียตนามเป็นประชากรของพระเจ้า ประชาชนเวียตนามล้วนนับถือในพระเจ้า และซื่อสัตย์ต่อสันตะปาปา" พร้อมกันนั้น โง ดินห์ ถึก ได้โทรเลขด่วน สั่งให้บาทหลวงใต้บังคับบัญชาของตนในเมืองเว้ ให้ประชาชนทุกบ้านชักธงรูปไม้กางเขนขึ้นที่หน้าบ้าน เพื่อจะได้เป็นข่าวทางสื่อมวลชน ยืนยันให้สันตะปาปา เชื่อถือ และมอบตำแหน่งคาร์ดินัล ให้กับโง ดินห์ ถึก


เหตุการณ์มีความตึงเครียดขึ้นตามลำดับทั่วทั้งประเทศเวียดนามทางการได้ส่งตำรวจทหารไปตรึงอยู่ตามวัดต่างๆ ที่มีการชุมนุมของชาวพุทธ โดยเฉพาะเมืองเว้ที่มีวัดสำคัญๆอยู่หลายวัด และเป็นที่ประทับของสังฆราชหรือประมุขของสงฆ์ในประเทศเวียดนาม

พระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก วัยุ 73 ปี จากวัดเทียนมู่ ทนเห็นความทารุณโหดร้ายจากการใช้อำนาจของรัฐปราบปรามเข่นฆ่าชาวพุทธต่อไปไม่ ได้ จึงได้ประกาศอุทิศชีวิต เพื่อป้องกันพระพุทธศาสนา โดยนั่งรถออสตินออกจากวัดเทียนมู่ ในคืนวันที่ 10 มิถุนายน 2506 ถึงกรุงไซ่ง่อนในเช้าวันที่ 11 มิถุนายน 2506 เพื่อร่วมประท้วงกับกลุ่มชาวพุทธ ที่กำลังเดินขบวนอยู่ที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล


หลังจากพระ ทิจ กวาง ดึ๊ก ได้เขียนข้อเรียกร้องถึง 6 ข้อ ให้รัฐบาลหยุดทารุณกรรม ท่านก็ได้เข้าสู่ขบวนพุทธศาสนิกชนประมาณ 1,000 คนด้วยความสงบ เพื่อไปสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้พระภิกษุ สามเณร แม่ชี และพุทธศาสนิกชนที่ถูกเจ้าหน้าที่ขับรถพุ่งชนขบวนผู้ประท้วงเสียชีวิตในวัน ที่ 8 พฤษภาคม 2506 ที่ผ่านมา (มีพระและนางชีเสียชีวิต 70 คน ชาวพุทธอื่นๆอีก 30 คน) จากนั้นขบวนชาวพุทธก็เดินต่อไปอย่างสงบ โดยมีรถนำพระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก ไปยังกลางเมืองหลวง (กรุงไซ่ง่อน)


ระ ทิจ กวาง ดึ๊ก ก้าวลงจากรถไปนั่งขัดสมาธิกลางวงเวียนซึ่งมีชาวพุทธล้อมเป็นวงใหญ่จากนั้นได้มีผู้หยิบถังน้ำมันเบนซิน 5 แกลลอนออกมาจากรถคันนั้น แล้วเอาน้ำมันราดบนร่างกายของพระภิกษุ ทิจ กวาง ดึ๊ก จนหมด ต่อจากนั้นก็เอาไฟจุด ไฟลุกโชติช่วงท่วมร่างอยู่นานประมาณ 10 นาที ร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่นั้นก็หงายหลังอย่างสงบ โดยไม่ได้แสดงอาการทุกขเวทนาทุรนทุรายแต่อย่างใด






นี่คือพระภิกษุในพระพุทธศาสนาที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อพิทักษ์พุทธศาสนา นับเป็นรูปแรกในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ การพลีชีพของท่านนั้น นอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามคำประกาศในนามพุทธศาสนิกชน ที่จะสละชีวิตรักษาพระพุทธศาสนาให้พ้นจากการกลั่นแกล้งบีบคั้น และปราบปรามจากรัฐบาล โง ดินห์ เดียมแล้ว ยังแสดงถึงความเด็ดเดี่ยวมั่นคงของพุทธศาสนิกชนด้วย 

สรีระของท่านถูกห่อหุ้มด้วยธงธรรมจักร พุทธบริษัทจำนวน ๑,๐๐๐ คน พากันอัญเชิญสรีระของท่านไปไว้ ณ เจดีย์วัดซาลอย ในเมืองเว้ ร่างท่านติช กวาง ดึ๊ก ได้มีการนำไปทำพิธีใหม่ แต่หัวใจที่ได้จากศพของท่านไม่ไหม้เป็นเถ้าถ่าน พุทธศาสนิกชนในเวียดนามยกย่องให้ท่านเป็นพระโพธิสัตว์

หัวใจของท่านติช กวาง ดึ๊ก ไม่ได้มอดไหม้ไปกับกองเพลิง
ปัจจุบันเก็บไว้ในสถูปทองคำ วัดเทียนมู่ เมืองเว้



หลังจากเหตุการณ์ที่ท่านติช กวาง ดึ๊ก อุทิศชีวิตเผาตนเองแล้ว รัฐบาล โง ดินห์ เดียม ประกาศว่าจะทำตามข้อเรียกร้องในจดหมายของท่านติช กวาง ดึ๊ก แต่นั่นก็เป็นเพียงคำพูดที่กลับกลอก หาความจริงใด ๆ ไม่่ได้ เพราะสังฆราชคริสเตียนโรมันคาทอลิกเร่งใช้อำนาจผ่านตำรวจในสังกัด ทำการฆ่าและทำร้ายพระภิกษุ และพุทธบริษัทรุนแรงหนักขึ้นไปอีก 

- วัดกลายเป็นที่ต้องห้ามของการทำศาสนพิธี โดยมีลวดหนามและสิ่งกีดขวางปิดกั้นตามถนนในเมืองใหญ่ ๆ 
- พระภิกษุหรือผู้ใส่ชุดขาว คือผู้สวมเครื่องแบบของผู้ทำลายความมั่นคงของรัฐบาล
- พระภิกษุสงฆ์โกนศีรษะโล้นห่มผ้ากาสาวพัสตร์ คือเป้าหมายของตำรวจเวียดนามที่เป็นคริสเตียนโรมันคาทอลิก 
- ภาพของพระสงฆ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ยิง จนกระทั่งมรณภาพบนบาทวิถี กลายเป็นภาพที่ประชาชนเห็นเป็นปกติ

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์พระภิกษุอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนานั้น ทำให้นายทหารที่เป็นพุทธศาสนิกชน ซึ่งเป็นนายทหารส่วนใหญ่ของกองทัพ ไม่พอใจและเสียใจต่อการกระทำของรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง ทหารเวียดนามทั้งกรมผูกผ้าสีเหลืองที่คอ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการสนับสนุนพระพุทธศาสนา โดยแถลงว่า "พวกเขาไว้ทุกข์ให้พระภิกษุที่เผาตนเองเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา" และประกาศว่าพวกเขาพร้อมที่จะรบ และพร้อมที่จะตายเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา และแจกจ่ายแถลงการณ์ข่าวการอุทิศชีวิตของพระติช กวาง ดึ๊ก ไปยังสาธารณชน พร้อมเปิดเผยการกระทำอันไม่ถูกต้องของรัฐบาล แต่ถูกตำรวจคริสเตียนของ โง เดียม ถึก สั่งเก็บเอกสารทั้งหมด


หลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ก็มีการปฏิวัติเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2506 โดยกลุ่มทหารยังเติร์กที่ทนดูรัฐบาลทำร้ายพระสงฆ์และชาวพุทธต่อไปไม่ได้ และการปฏิวัติครั้งนี้ได้รับไฟเขียวจากอเมริกา ในฐานะที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังประธานาธิบดีโง ดินห์ เดียม มาตั้งแต่แรก

ประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม สังฆราชตริสเตียน โง เดียม คาน และพี่ชาย โง ดินห์ ถึก ถูกทหารยิงเสียชีวิต หลังหนีกบดานไปอยู่ในโบสถ์แห่งหนึ่งในย่านโชลอง ซึ่งเป็นย่านคนจีนในไซ่ง่อน ส่วนผู้ร่วมในคณะรัฐบาล ทหาร ตำรวจ ที่เข่นฆ่า พระ นางชี และประชาชนในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ถูกประหารชีวิตทั้งหมด



เราชาวไทยพุทธ
เห็นสถานการณ์เช่นนี้คิดอย่างไร
เราจะปล่อยให้ประเทศของเรา
เกิดเหตุการณ์เสียสละเช่นนี้หรือไม่
มาร่วมกันปกป้องพระพุทธศาสนากันเถิด
ดูไว้!!! นี่คือจุดจบของผู้ทำลายพระพุทธศาสนา ดูไว้!!! นี่คือจุดจบของผู้ทำลายพระพุทธศาสนา Reviewed by ความจริงวันนี้ั on 05:10 Rating: 5

36 ความคิดเห็น:

  1. น่าสลดใจมาก หวังว่าพี่น้าองชาวไทยที่กำลังหลงผิดจะได้คิดกลับใจ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่ค่ะ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ที่ไทยเลย

      ลบ
    2. ค่ะถ้าจะดีค่ะ ถ้าไทยพุทธทุกท่านมีสิทธิ์ออกเสียงช่วยให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติได้ค่ะ คนไทยทุกท่านช่วยให้ประเทศไทยไม่ตกเป็นศาสนาอื่นได้นะค่ะ...ช่วยๆกันะค่ะ หนึ่งสิทธิ์ของทุกท่านช่วยประเทศได้ค่ะ

      ลบ
    3. ใช่ค่ะ ซึ่งการออกเสียง ไม่ใช่แค่สำรวจโพลทั่วไป แล้วแอบอ้างว่าลงชื่อมา ต้องเอาความจริงของชาวพุทธทั่วประเทศ แน่นอนค่ะว่าเราต้องชนะคนพาล ก่อความวุ่นวายให้พระพุทธศาสนา

      ลบ
  2. อ่านแล้วใจหาย น่าสลดใจมากๆ ปัจจุบันประเทศไทย และพระพุทธศาสนามีสัญญาณเตือนหลายอย่างแล้ว ช่วยกัน #รักษาพระพุทธศาสนา #ปกป้องพระพุทธศาสนา กันนะคะ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. เห็นด้วยค่ะ เรามาช่วยกันปกป้องพระสงฆ์และพระพุทธศาสนากันนะคะ

      ลบ
    2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

      ลบ
  3. นี่คือพระโพธิสัตว์ สละได้เลือดเนื้อได้ เพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ใช่ค่ะ ท่านคือผู้กล้าที่แท้จริง สละได้แม้ชีวิตเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา

      ลบ
  4. อ่านไป ดูคลิปประกอบการบรรยาย..น้ำตาไหลออกมาเองค่ะ จากค่อยๆ ไหลจนสะอื้น ณ ตอนน้ำมันเริ่มไหลบนตัวพระโพธิสัตว์ฯ

    ตอบลบ
  5. ตอนตายยังไม่น่ากลัวหรอก แต่ตอนอยู่ในนรกโดนทันทรมานซิ น่าสยดสยองกว่าเยอะ

    ตอบลบ
  6. ขอให้ศาสนาพุทธในเมืองไทยปลอดภัย คงอยู่ถึงรุ่นลูกหลานด้วยเถิดค่ะ

    ตอบลบ
  7. ประเทศนี้กำลังเดินตามรอยแล้วหล่ะ

    ตอบลบ
  8. จริงบางส่วน โกหกบางส่วน ลองศึกษาประวัติศาสตร์เวียดนามดูครับ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อาตมาเชื่อว่าเป็นความจริงทุกตัวอักษร

      ลบ
  9. หน้าตาเหมือนผู้นำไทยตอนนี้เลยนะ

    ตอบลบ
  10. ประเทศเวียตนามบังคับให้เป็นคริสเตียน
    ประเทศไทยส่งเสริมมุสลิม
    บีงคับใส่ร้ายพุทธ


    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. คาทอลิค ที่มีโป๊ปหรือสันตะปะปาคือ คริสตังค์ค่ะ ไม่ใช่คริสเตียน

      ลบ
  11. อย่าให้อลัชชีทำลายพระศาสนา

    ตอบลบ
  12. อย่าให้อลัชชีทำลายพระศาสนา

    ตอบลบ
  13. ใช้วิจารณญาณ การเสพข่าว ...เพราะมีผู้ได้ประโยชน์.. รู้จัก ผิด ชอบ ชั่ว ดี อละ ศรัทธา ที่อยู่ในศีลธรรม อันบริสุทธ ไม่เดือดร้อน คนทั่วไป ไม่ทำลาย สังคม เป็นพอ ...สติมา

    ตอบลบ
  14. ขอ อย่า ให้ประวัติศาสตร์ซำ้รอยอีกเลย

    ตอบลบ
  15. นั่นคือฆารวาสที่ทำลาย แต่ปัจจุบันสนิมเกิดแต่เนื้อในตน สงฆ์ทำลายตัวเอง

    ตอบลบ
  16. ไทยควรปฏิรูปพระสงฆ์ใหม่ได้แล้ว พระสงฆ์หลงทางหลงกิเลส นำพาคนกราบไหว้ลุ่มหลงมอมเมาในกิเลส เข้าวัดไหว้พระแทนที่จะแสวงหาความสงบสุขจิตใจร่มเย็น กลายเป็นว่าเข้าวัดหาแต่โชคลาภของดี วัดก็เรื่อมจะกลายเป็นบริษัทไปทุกวันๆ มีแต่พุทธพาณิชย์

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ถูกต้องแล้วครับ ศาสนาพุทธในไทยจะอยู่ได้ยั่งยืนเกิดจากฆารวาทอย่างเราๆครับ

      ลบ
  17. เรียกศรัทธาชาวพุทะคืนมาครับทุกวันนี้ศาสนาพุทธในไทยมีปัญหาจากภายในไม่ใช่จากภายนอก การล้มสลายของศาสนาพุทะในไทยไม่ใช่ปัจจัยภายนอกแต่เป็นภายในสงฆ์เอง เห้นสื่อออกบ่อยพระตุ๊ด พระเกย์ พระซั่มสีกา พระบ้าเงิน พระบ้าวัตถุ พระทรงเจ้าเข้าผี พระเล่นอวิชาคุณไสย ปัญหา108ของสงฆ์ที่ออกนอกทางธรรมที่พระพุทะเจ้าท่านได้ตั้งไว้

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ที่คุณเขียนมามันก็ถูกแต่ถูกแค่บางส่วน พระพุทธศาสนาเราเน้นหลักเมตตา ไม่ว่าจะเลวมาจากไหน จะชั่วมาแบบไหน จะเฮียมาขนาดไหน จะติดยา ออกจากคุก เป็นตุ๊ดเป็นแต๋ว หากคิดจะกลับตัวกลับใจ ศาสนาพุทธเราก็ให้โอกาสทั้งนั้น แต่มันเป็นธรรมดา คนที่มันเคยชั่ว ไอ้การจะเลิกชั่วได้เลยนั้น จะมีสักกี่คนทำได้ อย่างเช่นว่าพระติดยา มันก็ติดมาตั้งแต่ก่อนมันบวชแล้ว ก่อนบวชมันก็บอกจะเลิก จะกลับตัวกลับใจ พระอุปัชฌาท่านก็ให้โอกาส แต่จะมีสักกี่องค์ที่ทำได้ ไอ้ที่เป็นตุ๊ด มันก็เป็นมาแต่ก่อนบวชแล้ว แต่ตอนก่อนบวชนั้น มันก็เก็บอาการได้ดี พระท่านก็เลยบวชให้ เมื่อบวชมาแล้ว มันก็กลับเป็นเหมือนเดิม มันก็จะทำยังไงได้ พระที่บ้าเงิน บ้าวัตถุ ก็เพราะตอนเป็นโยมก่อนมาบวชก็ไม่เคยมีเงิน คนที่มันไม่เคยมีมันก็มีบ้างที่บ้า ที่เหลือก็เหมือนกัน ดังนั้น เราที่เป็นชาวพุทธต้องรู้จักเลือกแล้ว พระที่ท่านดีก็ยังมีอยู่มาก พระองค์ไหนท่านเราคิดว่าท่านดี ก็เคารพนับถือ แต่ถ้าท่านไม่ดี ก็ไม่ต้องไปใส่บาตรท่าน ทุกวันนี้ ผู้มาบวชที่บวชอยู่นานส่วนใหญ่แล้ว ก็คือผู้ที่ไม่มีทางไป ขอถามว่า ถ้าคนที่เขาเป็นคนดี คนที่มีความรู้ มีความสามารถ มีอนาคตทางโลกดี มีการงานดี มีร่างกายแข็งแรงดี มีครอบครัวดี มีความสุขทางโลก จะมีสักกี่คนที่มาบวช อย่างมากก็แค่บวชตามประเพณี ไม่กี่วันก็สึก ดังนั้น หรือบางท่านอาจจะตั้งใจดี แต่ก็เจอครูบาอาจารย์ที่ไม่ดีมันก็ดีได้ยาก และปัญหานี้ไม่ใช่จะมีแค่ในสมัยนี้ซะเมื่อไหร่ มันก็มีมาทุกยุคทุกสมัย สมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านยังทรงพระชนม์อยู่ปัญหาแบบนี้ก็มี เช่น พระเทวทัต พระโกกาลิกะ ภิกษุฉัพพัคคีย์ นี่แหละ เมื่อเหตุมันเป็นอย่างนี้ ผลมันก็เลยเป็นอย่างนี้

      ลบ
  18. การคลั่ง ศาสนา คุณก็ไม่ต่างอะไร กับ ประธานาธิบดี โง ดินห์ เดียม ที่คลั่งศาสนาคริส
    ทุกปัญหา เกิดจาก การคลั่งศาสนา โ้ดยไร้เหตุผล ไม่สอนคำสอนที่แท้จริง แต่ไปเชื่อคำยุแหย่ ของคำกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องการหาประโยชน์ จากความขัดแย้ง
    คนอิสลาม คนคริสเตียน ที่น่ารักเป็นกัลยาณมิตร มีเป็น แสน เป็น ล้าน คน
    แต่พวกคุณกลับอ้างพวกนอดรีด มาโจมตีกันไปมา ศาสนาพุทธ ไม่เคยสอน
    >>>อย่าเอาความนอกรีด มาทำลายพุทธแท้ ให้มัวหมอง มีมลทิน <<<

    ตอบลบ
  19. พุทธสอนการละ การไม่เบียดเบียน สอนพัฒนาตนด้วยปัญญา พิจารณาตนด้วยตน ไม่ติใคร ๆ คนมีปัญญาจึงแจ่มแจ้งและหลุดพ้น

    ตอบลบ
  20. จริงบ้างบางส่วน โง ดินห์ เดียม ไม่ได้เป็นผู้ล้มจักรพรรดิเวียดนามเเต่ท่านสละราชบัลลังก์เอง เเละชาวเวียดนามให้ฝรั่งเศสให้เอกราชกับเวียดนาม ในสมัยนั้นยุคสงครามเย็นทำให้มีผู้สนับสนุนประชาธิปไตย เเละมีผู้สนับสนุนระบอบคอมมิวนิสต์ จึงให้เเยกประเทศเป็นเวียดนามเหนือเเละใต้ กรุณาให้ข้อมูลที่ถูกต้องด้วยครับ

    ตอบลบ
  21. จริงๆเราเป็นประเทศที่มีศาสนาพุทธประจำชาติอยู่แล้ว ตามพระราชกิจจานุเบกษา ที่จอมพลป.ระบุไว้ หลักฐานคือ 1. เราจะมีวันหยุดทางราชการเป็นวันพระธรรมสวนะ 2.พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ทรงผนวช 3.เราใช้ปีพุทธศักราช (พศ.) ในทางราชการ 3 ข้อนี้ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าพุทธศาสนาคือศาสนาประจำชาติของเรา

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.